วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

Iron R11


ก่อนที่จะได้รับ R11 Iron มาทดสอบนั้นได้มีโอกาสทดสอบแล้วจากเหล็กที่นักกอล์ฟนำมาให้ทำฟิตติ้งเพิ่มเติมในเรื่องของก้านและต้องการ ให้น้ำหนักรวมและความแข็งให้เหมาะกับสวิงของนักกอล์ฟท่านนั้นให้มากที่สุด และจากการได้ทดสอบในสนามซ้อมหลายชั่วโมงและเก็บข้อมูลของเหล็กจากการตีด้วย Launh Monitor และในที่สุดก็พอจะมีความคิดเห็นในใจที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ทดสอบเองที่ทาง Taylormade ก็ไม่ได้ถามหรืออยากได้ความคิดเห็นของเราแต่พอจะสรุปความรู้สึกส่วนตัวได้ว่าชอบและรู้สึกประทับใจ ถึงแม้ว่ามันจะเป็น Cast Iron

ถ้าจะพูดถึงTechnical Term ของ R11 ที่จริงแล้วน่าจะมีแรงบันดาลใจมาจาก Taylormade CGB Max ซึ่งเป็นเหล็กที่ใส่เทคโนโลยี่ที่ดีที่สุดทุกอย่างลงไปในใบเหล็กแต่มันก็ดูใหญ่เทอะทะไปหน่อย แต่มันเป็นเหล็กที่ตีง่ายมาก ซึ่งเราเคยทดสอบไปแล้ว Taylormade เคยทำ Fitting CGB Max แบบเต็มรูปแบบซึ่งลูกค้ากว่า 80% สั่งทำเหล็กชุดดังกล่าวหลังจากที่ได้ทดลองตี แต่เมื่อมีรุ่นใหม่ๆออกมาเหล็กที่ตีง่ายที่สุดก็ค่อยๆถูกลืม ส่วน Driver R11 นี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จะออกแบบเหล็ก R11 เหมือนกัน รวมถึงแรงบันดาลใจ (Inspiration Design) จาก CGB Max ดังนั้น Taylormade จึงสร้างชุดเหล็กที่ตีได้ดีกว่าและถูกกว่า ดังนั้นรูปทรงที่ออกมาจึงมีบางส่วนของเหล็กเหมือนกับเหล็กหลายๆรุ่น R11 จึงมีรูปลักษณ์แบบ Burner ผสมกับ MC ผสมกับ Tour Preferred Line จึงทำให้ใบดูไม่ค่อยใหญ่มากนัก

เหล็กที่ใช้ทดสอบมากับก้าน NS Pro 950 และ Graphite shaft จาก Fujikura 65i ทุกอย่างเป็นมาตราฐานทั้งความยาว Loft และ Lie ปกติผู้ทดสอบชอบ TP Series แต่เมื่อทดลองตีเหล็กให้ความรู้สึกดีตอนจรดลูกและตีได้แน่นตอนหน้าไม้ปะทะลูก เราเคย Test&Reviews Taylormade MC และชุดเหล็ก Burner 2.0 มาแล้วซึ่งในตอนนั้นความรู้สึกสีสันและขนาดของหัวเหล็กของ Burner ไม่ค่อยถูกใจมากเท่าไรนัก แต่ชุดเหล็ก R11 จะอยู่ตรงกลางระหว่างสองรุ่นนี้ คุณอาจชอบแนวคิดการออกแบบของ Burner 2.0 แต่ไม่ชอบความรู้สึกในขณะตี แต่ชุดเหล็ก R11 ทำให้เราประหลาดใจจากการตี ขณะที่ R11 เป็นเพียงแค่เหล็กประเภท Cast Club เท่านั้น แต่ที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุดคือเหล็กสั้น R11 ตีได้เข้าเป้าแม่นยำและให้ความรู้สึกแน่นไม่รู้สึกว่าเป็นเหล็กประเภท Cast Iron พูดโดยรวมดีที่เดียวสำหรับการตีซ็อตต่างๆถึงแม้ว่าบางทีตีแบบกระชากหรือเร่งตีเกินไปแบบทุบลูกมันก็ให้ผลดีเกินคาดทั้งๆที่เรารู้สึกว่าตีไม่ดีเลยระยะอาจเสียไปบางแต่ก็ยังตีเข้าเป้าหมายตลอด แสดงให้เห็นถึงความสมดุลย์ของใบเหล็กในตอนอิมแพคลูก

ส่วนร่อง Groove taylormade ไม่ได้บอกว่าเป็นแบบไหน อยู่ในกฎหรือไม่ แต่มันไม่ใช่แบบ milling แน่นอนเพราะ R11 เป็นแบบ Cast แต่ก็ยังคงทำสปินได้ดีมากโดยเฉพาะในเหล็กสั้น มีรายงานว่า R11 โดยเฉพาะเหล็กสั้นที่ตีออกจากรัฟสามารถทำสปินได้กว่า 1600 rpm(Round per minute) มันสามารถลดอาการลูก Flyer ได้ดี ซึ่งค่าสปินในขณะตีผ่านรัฟนี้มากกว่า Burner 2.0 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีมากในการตีลูกขณะที่มีหญ้าขวางอยู่ตรงกลางระหว่างใบเหล็กกับลูก และตอนที่เราทดสอบตีเหล็กสั้นกับ Launch Monitor ลูกที่ตกกับระยะลูกที่กลิ้งไปข้างหน้าไม่เกิน 2-3 ฟุต แต่ส่วนมากกลิ้งไปแค่ 1 ฟุตเท่านั้น ดังนั้นยิ่งนักกอล์ฟที่มีทักษะสูงจะสามารถให้เหล็กทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเหล็กกลางมีอาการสปินปานกลางวิถีลูกโด่งไม่มากนักลูกลอยในอาการค่อนข้างนานสำหรับเหล็ก 5 ทำระยะได้ดีมาก ถ้ามือทั่วไปเริ่มตั้งแต่เหล็ก 5 ก็น่าจะพอที่จะทำให้คุณตีขึ้นกรีนได้อย่างแม่นยำ

ผู้ที่สวิงสปีดปานกลางสามารถทำระยะจากการตีน่าจะได้ไกลกว่าเหล็กปกติในเบอร์เดียวกันประมาณ 1 เบอร์ในเหล็กสั้น ส่วนในเหล็กยาวอาจจะตีได้ไกลกว่า 1 1/2 เบอร์ที่จะได้ระะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 หลา อาการลูกปลิวและไม่สามารถควบคุมได้จากการตีเหล็กยาว (Flyer Short) กลับพบน้อยมากเมื่อเทียบกับ Burner 2.0

ขนาดของใบอาจจะดูใหญ่กว่าใบทั่วไป เพราะทาง Taylormade เขาตั้งใจให้นักกอล์ฟที่มีแฮนดีแคป 20 ก็ยังคงสามารถเล่นเหล็กชุดนี้ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีใบที่มีขนาดเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย แต่จริงๆแล้วมันจะค่อยๆใหญ่ขึ้นแต่คุณอาจสังเกตุไม่ค่อยเห็น เส้นขอบต่างๆมองดูกลมกลืนขอบใบเป็นแบบ Less Camber ทำให้วางไม้จรดลูกได้มั่นใจขึ้นการออกแบบด้านหลังยังคงเป็นเอกลักษณ์ของเหล็กจาก Taylormade มีหมุดถ่วงน้ำหนักสีแดงโครงสร้างแบบ Pocket Cavity Low CG บางคนอาจไม่ชอบหมุดสีแดงแต่เวลาจรดลูกมองไม่เห็นซึ่งไม่น่าเป็นปัญหารบกวนการตี

มีอยู่คำเดียวที่จะบอกคือ "หยิบออกไปตีเลย" R11 ชุดนี้เป็นเหล็กที่ตีสนุก มันขึ้นอยู่ที่คุณตีแบบไหนถ้าสวิงของคุณสมบรูณ์แบบมันจะทำให้ได้เบอร์ดี้หรือทำพาร์ได้ไม่ยาก แน่นอนเหล็กชุดนี้เป็นเหล็กที่ดีที่สุดชุดหนึ่งที่ Taylormade ทำออกจำหน่าย แต่มันก็ไม่หมายความว่าจะเหมาะกับนักกอล์ฟทุกคน แต่ถึงอย่างไรคิดว่าคุณต้องชอบเมื่อคุณตีมัน และถ้ามีการทำ Fitting เหล็กชุดนี้ให้เหมาะกับคุณรับรองว่าคุณจะได้ชุดเหล็กคู่ใจและถูกใจคุณแน่นอน

TECHNOLOGY OVERVIEW

R11 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากไดรฟเวอร์ R11 ชุดเหล็ก R11 ใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงเพื่อความสมบูรณ์แบบ การวางจุด CG อย่างแม่นยำ หน้าใบเหล็กบางเฉียบใต้ใบเหล็กออกแบบเหมือนของโปรทัวร์ และด้วยเทคโนโลยีของ Inverted Cone ทำให้ R11 นี้มีพลังสูงสุด เล่นได้จริงและเป็นชุดเหล๊กที่มีการปรับเปลี่ยนมาดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา

INVERTED CONE TECHNOLOGY

เทคโนโลยีของ Inverted Coneที่อยู่ภายในใบเหล็ก R11 นี้จะช่วยเร่งความเร็วของลูกกอล์ฟและให้ระยะถึงแม้จะกระทบลูกไม่ถูกกลางหน้าไม้

PRECISION WEIGHTING PORT

ตำแหน่งจุดถ่วงน้ำหนักที่แน่นอน

การทำจุดถ่วงน้ำหนักถาวรในตำแหน่งกึ่งกลางหลังใบเหล็ก และอยู่ตำแหน่งที่แน่นอนนี้ทำให้เรามั่นใจว่าเหล็กแต่ละอันในเซ็ท R11 จะถูกจัด swingweight ได้โดยที่ตำแหน่งของ CG ยังอยู่ในที่ที่ดีที่สุดไม่ถูกเลื่อนไปจากจุดกึ่งกลางของหัวกับท้ายของใบ ในอดีต ช่างทำไม้กอล์ฟมักใส่ตัวถ่วงน้ำหนักข้างในคอไม้เพื่อปรับ swingweight ซี่งผลของการทำน้ำหนักในตำแหน่งนี้จะดึง CG มาใกล้ท้ายของใบหลายองศา จึงทำให้เหล็กชุดนั้นๆมี Swingweight ที่สม่ำเสมอกันแต่ตำแหน่งของ CG กลับไม่แน่นอน

ULTRA-THIN FACE

หน้าใบที่บางเฉียบ

หน้าใบเหล็กที่บางจะช่วยเร่งความเร็วของลูกกอล์ฟและเพิ่มระยะให้กับเหล็กยาวและเหล็กกลางของชุด R11 นี้

TOUR INSPIRED SOLE DESIGN

ใต้ใบแบบทัวร์

ใบเหล็ก R11 มีใต้ใบเหล็กแบบโค้งลาดเอียงไปด้านหลังเพื่อทำหน้าที่หลายอย่างและทำงานได้เหมือนแบบใบบางของทัวร์ซึ่งเพิ่มความสามารถในการเล่นจากไลน์ลักษณะต่างๆ อีกทั้งทำให้ CG ต่ำและลึก ช่วยให้ลูกลอยขึ้นจากพื้นง่าย พุ่งออกไปอย่างมีพลัง

SPECIFICATIONS
CLUB LOFT LIE OFFSET FLEX LENGTH SWING WEIGHT
3 19° 60.5° 5.8mm S,R 38.75" 39.0" D2
4 21° 61.0° 5.4mm S,R,M 38.25" 38.5" D2
5 24° 61.5° 5.0mm S,R,M 37.75" 38.0" D2
6 28° 62.0° 4.6mm S,R,M 37.25" 37.5" D2
7 32° 62.5° 4.0mm S,R,M 36.75" 37.0" D2
8 36° 63.0° 3.4mm S,R,M 36.25" 36.5" D2
9 40° 63.5° 2.8mm S,R,M 35.75" 36.0" D2
PW 45° 64.0° 2.2mm S,R,M 35.5" 35.75" D2.5
AW 50° 64.5° 1.6mm S,R,M 35.5" 35.75" D2.5
SW 55° 64.5° 1.0mm S,R,M 35.25" 35.5" D4.5

TIPS **Shaft weight คุณอาจไม่รู้ว่ามันอาจทำร้ายเกมของคุณได้**

คุณรู้ไหมน้ำหนักของก้านนั้นมีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดน้ำหนักรวมของไม้กอล์ฟของคุณ น้ำหนักรวมของไม้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักของก้านเป็นหลัก ถึงแม้ว่าเรายังมีน้ำหนักของหัวไม้และน้ำหนักของกริพซึ่งค่าเฉลี่ยของน้ำหนักของทั้งสองอย่างนี้มีช่วงของน้ำหนักเฉลี่ยที่ไม่ต่างกันมากนักซึ่งเป็นมาตราฐาน ก้านไม้กอล์ฟมีหน่วยวัดน้ำหนักเป็นกรัมและมีน้ำหนักหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะการออกแบบหรือแนวคิดและวัสดุที่ใช้ผลิตที่เป็นทั้ง Cabon Fiber หรือ Graphite

น้ำหนักก้านในปัจจุบันจะมีน้ำหนักอยู่ในช่วง 40-135 กรัม ยกตัวอย่างหัวไม้ในปัจจุบันจะหนักประมาณ 310-320 กรัม หรืออาจมีน้ำหนักต่ำกว่านี้จะเป็นหัวไม้ประเภทแจแปนสเปคที่เบากว่านี้หน่อย
ยกตัวอย่างในการซื้อหัวไม้ประเภท Production Line ที่มีขายอยู่หลายยี่ห้อ ส่วนใหญ่คนขายจะให้ความสำคัญเรื่องความเร็วหัวไม้ (Head Speed) เพื่อที่จะเลือก Flex และตามด้วยน้ำหนักที่มีให้เลือกอย่างมากไม่เกินสองแบบ ซึ่งถือว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเลือกเพียงแค่สองตัวเลือกแล้วหัวไม้อันนั้นจะเข้ากับวงสวิงของคุณมากที่สุด การทำ Fitting กับ Club Fitter ที่มีความชำนาญสามารถทำให้คุณได้หัวไม้ที่นอกจากจะมีน้ำหนักที่เหมาะกับคุณที่สุดแล้วยังรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆที่เข้ากับเกมของคุณมากที่สุดด้วย

Swing profile Matching with shaft profile
Strength&Tempo Shaft Weight
Head Speed Shaft Flex
Swing Talent Shaft Specification

น้ำหนักก้านควรจับคู่กับพลังของการสวิงและจังหวะ ความสัมพันธ์กันนี้ส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงของรอยต่อในมุมต่างๆของวงสวิงทำให้เกิดความราบเรียบและเต็มไปด้วยพลัง วงสวิงที่ดีเป็นเรื่องของการสร้างแรงเหวี่ยงนี้ศูนย์กลาง (Centrifugal Force) แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางของนักกอล์ฟแต่ละคนต้องการน้ำหนักของก้านที่เข้ากับพลังในการเร่งความเร็วและจังหวะการตีที่เป็นแบบเฉพาะตัว ดังนั้นในขณะดาวน์สวิงมันจะทำให้เกิดพลังและความสม่ำเสมอหรือถ้าจะพูดโดยรวมมันทำให้สิ่งที่เราเรียกว่า Overall swing Timing (Tempo&Rhythm) สมบรูณ์แบบ

ถ้าน้ำหนักรวมเบาเกินไป : แน่นอนที่นักกอล์ฟจะมีแนวโน้มที่จะสวิงเร็วเกินไป ทำให้ขาดการควบคุมและยังมีแนวโน้มที่จะขาดการควบคุมหน้าไม้ให้ตีเข้ากลางหน้าไม้

ถ้าน้ำหนักรวมมากเกินไป : นักกอล์ฟจะมีแนวโน้มที่จะเสียการควบคุม (Stability) หรือเสียสมดุล (Balance) ในการตีโดยนักกอล์ฟอาจมีการเคลื่อนไหวของลำตัวเกินความจำเป็นในขณะอิมแพค

อาการของน้ำหนักรวมที่เบา(Symptoms of the total weight being too light)

- ต้องต่อสู้กับจังหวะที่ไม่ใช่เป็นจังหวะของตัวเอง

- ต้องพยายามตีให้ช้าลง เพื่อใหีตีลูกได้กลางหน้าไม้

- มีแนวโน้มที่แนวไม้หลุดนอกแนวสวิง (Swing Path) ทำให้ขาดความแน่นอนและแนวสวิงเปลี่ยนไป

- ให้ความรู้สึกสบายเหมาะกับนักกอล์ฟที่มีพลังน้อย

อาการของน้ำหนักรวมที่หนัก (Symptoms of the total weight being too heavy)

- รู้สึกหนักและต้องใช้ความพยายามในการสวิง

- มีแนวโน้มที่ตีแบบดัน (Push) เพราะต้องใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายมาก ตัวอาจอยู่หน้าลูกก่อนที่หน้าไม้จะเข้าถึงลูก

- เสียระยะไม่สามารการควบคุมการทำงานของไม้ได้

- เหมาะกับนักกอล์ฟที่แข็งแรง หรือนักกอล์ฟที่ตีแบบดุดัน (Hitter)