วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

No. 2 คุณมักตีเหล็กแล้วท๊อปลูก ดูได้จากรอยถลอกที่ลูกกอล์ฟ

หยุดตักลูกบอลขึ้นได้แล้ว!

ยืนให้น้ำหนักมาทางซ้ายเพื่อจะได้สวิงเข้าลูกในมุมที่ชันกว่า!

ก่อนที่คุณจะโยนลูกกอล์ฟเก่าที่เป็นรอยทิ้งไป ลองหยิบมาดูล่องรอยบนลูกกอล์ฟ ถ้ามีรอยข่วนเป็นเส้นหรือเป็นรอยลักยิ้ม มันบอกเราได้ว่าคุณตีลูกไม่ถูกต้อง นักกอล์ฟที่ตีปะทะลูกได้ดีจะกดลงไปหรือแนวไม้เข้าปะทะลูกในมุมที่ชันเข้าลูก ผ่านไปถึงส่วนฐานของลูกที่วางอยู่แล้วก็ลงไปที่หญ้า(TURF) นักกอล์ฟที่ตีมีแนวสวิงลงที่ตื้นกว่าจะตีถูกตรงส่วนครึ่งบนของลูก ทำให้ลูกพุ่งออกไปเลียดพื้น ต่อไปจะเป็นคำอธิบายสั้นๆ ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แล้วจะทำอย่างไรให้ตีได้ดี

สาเหตุ? ใบเหล็กถูกครึ่งบนของลูกกอล์ฟ ทำให้ลูกกอล์ฟเป็นรอยและลูกพุ่งเลียดต่ำ

ทำไมมันเกิดขึ้น? เพราะเราพยายามจะช่วยให้ลูกลอยขึ้น น้ำหนักตัวเลยมาทางด้านขวาแล้วมือก็เลยสะบัดไปที่ลูก

นักกอล์ฟหลีกเลี่ยงได้อย่างไร? คุณต้องการให้ใบเหล็กปะทะที่ฐานของลูกแบบกดบีบลงหรือผ่านลงในมุมที่ชันไปที่หญ้า (TURF) ด้วยแรงที่ควบคุมได้และแม่นยำ




ต้องทำอย่างไร? ต้องมันใจและเชื่อใน LOFT บนใบเหล็กที่จะเป็น ตัวส่งลูกขึ้นไป และเลื่อนน้ำหนักมากขาซ้ายเพื่อการตีลงที่ชันกว่า การที่น้ำหนักอยู่ทางด้านซ้ายในขณะสวิงขึ้นไม้ จะทำให้นักกอล์ฟมีมุมสวิงที่ชันทั้งขาขึ้น ขาลง ทำให้องศาหน้าเหล็กทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและถูกต้อง OK!

No. 1 ถ้าคุณมักตีท๊อปลูกเวลาทีออฟ

ปักทีเข้าไปท้ายกริพของก้านไดรฟเวอร์เพื่อเป็นตัวเช็คว่าวงสวิงคุณไม่ตั้งเกินไป

ต้นเหตุที่ตีท๊อปลูกที่พบเสมอมาเกิดจากปัญหาทางเดินของวงสวิงที่ต้องแก้โดย ต้องทำให้แนวหัวไม้อยู่ด้านในของวงสวิง ใช้ทีปักช่วยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณตีถูกที่ฐานของลูก ไม่ใช่ที่หัว ให้ปักทีเข้าไปที่ท้ายกริพของก้านไดรฟเวอร์ เมื่อนักกอล์ฟสวิงไปจนสุดก่อนแล้วขณะที่จะสวิงลงมาให้เช็คดูว่าทีที่ปักมัน ชี้ไปตรงไหน มันควรจะชี้ไปที่ลูกหรือแนวที่จะไปเหนือลูกในตำแหน่งนี้แนวแขนจะอยู่หลัง ไหล่ เมื่อคุณตีลงมาที่ลูกในลักษณะนี้จะเป็นการช่วยให้คุณมีแนวสวิงที่ตื้นลงหรือ แบนราบลง แล้วทำให้คุณหวดลูกออกไปได้

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Taylormade R11s , R11s Fairway woods


Test&Review : Taylormade R11s , R11s Fairway woods by www. spashaft.com

ในที่สุดการรอคอยก็มาถึงเมื่อ R11s ได้เริ่มเปิดตัวและออกวางจำหน่าย เชื่อว่านักกอล์ฟบางท่านคงได้ทดลองนำไปออกรอบบ้างแล้ว ที่ผ่านเทย์เลอร์เมดกอล์ฟ ประสบความสำเร็จกับ R11 ซึ่งถือว่าเป็นหัวไม้ปรับได้ที่มีเทคโนโลยี่ที่น่าจะดีที่สุด และด้วยความโดดเด่นของสีและการออกแบบที่มาพร้อมประสิทธิภาพแบบคับแก้ว แต่เราก็ต้องแปลกใจที่ เทย์เลอร์เมดยังมีไม้ตายโดยอาศัยต้นแบบอย่าง R11ที่ประสบความสำเร็จออก R11sให้เราคันไม้คันมืออยากเป็นเจ้าของ

ความได้เปรียบของหัวไม้ปรับได้มันช่วยให้นักกอล์ฟสามารถปรับหัวไม้ให้เข้ากับ สวิงของแต่ละคนแต่มันอาจต้องใชัความเข้าใจและการลองปรับไปมาจนได้ตำแหน่งและ มุมที่เข้ากับนักกอล์ฟมากที่สุด ด้วยขนาด 460cc ที่ใหญ่กว่าเก่า และอยู่ในกฎ USGA R11s มาพร้อมกับสีขาวพร้อมรูปทรงแบบ Deep Face บวกกับ 3 เทคโนโลยี่มีสามารถปรับได้ถึง 80 รูปแบบ ทำให้นักกอล์ฟสามารถปรับหัวไม้และตีลูกได้อยู่ในแฟร์เวย์มากกว่าหัวไม้คู่แข่งจากค่ายอื่น

R11s จัดอยู่ในหัวไม้ประเภท Game improvement driver นั้นหมายถึงหัวไม้ที่ช่วยให้นักกอล์ฟสามารถเล่นและพัฒนาฝีมือพร้อมชดเชยข้อ ผิดพลาดจากการตีแต่ละซ็อต

ด้วยรูปทรงที่มีการปรับปรุงให้ใหญ่กว่าเก่า(460cc) มีการออกแบบให้กระดอง(Crown) ให้มีความหนาบางแตกต่างกันทำให้วิศวกรคนออกแบบสามารถกำหนด GC ลึกและต่ำอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ รวมถึงการออกแบบโครงสร้างและรูปทรงที่ทำให้หัวไม้มีค่าMOI สูงส่วนการออกแบบด้านใต้ท้อง(Sole) นั้นมีผลต่อหลักอากาศพลศาสตร์ และให้มวลรวมของน้ำหนักถูกดึงและกระจายมาอยู่ด้านใต้ท้อง ซึ่งการออกแบบทั้งหมดนี้เมื่อรวมเข้ากับเทคโนโลยี่ที่ล้ำยุคทั้งสามอย่าง อาทิเช่น Adjustable Sole Plate(ASP) แบบใหม่ที่ทีถึง 5 แบบ Flight Control Technology (FCT) เทคโนโลยี่ปรับเปรียบองศาหน้าไม้ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลง และ Movable Weight Technology(MWT) ที่เป็นหมุดถ่วงน้ำหนักหลายแบบที่สามารถเปลี่ยนหรือย้ายไปมาเพื่อสร้างวีถี ลูกให้เหมาะกับสวิงของนักกอล์ฟที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน

บทบาทของทั้งสามเทคโนโลยี่

Flight Control Technology(FCT) เทคโนโลยี่ที่ปรับองศาหน้าเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ 8 แบบ นั้นหมายถึงวิถีของลูกสามารถเปลี่ยนไปได้ถึง 60 หลา และปรับองศาได้ +/-1.5* เปิดปิดองศาหน้าไม้ 6* และไลน์ 3*

adjustable Sole Plate (ASP) ที่สามารถปรับได้ 5 ตำแหน่งโดยเพิ่มตำแหน่งเปิดและปิดเพิ่ม มากกว่ารุ่นเดิม คือ ปรับแบบตรงกลาง(N) เปิดและเปิดเล็กน้อย(o/+o) ถึงปิดและปิดเล็กน้อย(c/+c) และเมื่อ ASP ที่ปรับได้ 5 ตำแหน่งทำงานร่วมกับ FCT ที่ทำงานได้ 8 ตำแหน่งจึงทำให้ทั้งสองทำงานร่วมกันและปรับได้ถึง 40 แบบ และเป็นอิสระต่อกันนั้นหมายถึงขณะที่ราปรับองศาหน้าไม้ให้เพิ่มหรือลดพร้อม กับสามารถปรับหน้าไม้ให้เปิดหรือปิดได้ในขณะเดียว

Movable Weight Technology(MWT) R11s มีหมุดถ่วงน้ำหนักสองหมุดคือ 10 กรัม และ 1กรัม ซึ่งสามารถย้ายสลับไปมาจากด้านหัวและด้านท้ายของลำตัว ทำให้วิถีของลูกเป็นไปตามที่เราต้องการจึงเป็นการเพิ่มระยะทาง และความแม่นยำให้การที่จะบังคับลูกให้อยู่ในแฟร์เวย์ ดังนั้นเมื่อรวมสองตำแหน่งของ MWT กับ FCT และ ASP จึงไม่น่าแปลกใจที่หัวไม้อันนี้สามารถปรับได้ถึง 80 รูปแบบ

จากการทดสอบ: ถึงแม้ว่า R11s มีขนาดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 460cc เมื่อมองตอนจรดลูกอาจไม่รู้สึกแตกต่างจากรุ่นเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างคือระยะที่ค่อนข้างโดดเด่นถ้าหากมีการปรับตำแหน่งอีกเล็ก น้อยเพื่อให้เข้ากับสวิงของนักกอล์ฟแต่ละท่านและด้วยเทคโนโลยี่ล่าสุดที่โดด เด่นๆทั้งสามแบบที่อยู่ในหัวไม้ และเห็นผล(Effective) ได้ในการปรับในทุกๆตำแหน่ง ส่วนเรื่องของเสียงที่อาจจะค่อนข้างแหลมแต่โปร่งกว่ากว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย แต่โดยรวมจากการตี R11s ตีสนุกได้ทั้งความรู้สึกและเสียงไปพร้อมๆกัน ลูกที่พุ่งออกจากหน้าไม้ให้ความรู้สึกเหมือนพุ่งจากหน้าไม้เร็วการควบคุมไม้ ให้ขณะตีและสมดุลย์ของไม้ค่อนข้างดี ถ้าท่านนักกอล์ฟที่มีสวิงไม่เร็วมากหรือการตีที่ไม่รุนแรงควรเลือกสเปคเอ เซียน่าจะเหมาะ จะได้ไม่เกิดปัญหาการควบคุมการสวิงจากไม้ที่มีน้ำหนักรวมที่ไม่สมดุลย์กับวง สวิงของเรา และจากการที่เราได้ทดสอบหัวไม้ต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง R11s จัดเป็นหัวไม้ที่ตีได้ไกลที่สุดอันดับต้นๆแน่นอน

R11s Fairway woods

เมื่อการเปิดตัวของ R11s Driver ออกมาแล้วก็ย่อมต้องมีหัวไม้แฟร์เวย์ที่เป็นซีรีย์เดียวกันออกมาอย่างแน่นอน และ R11s Fairway woods ก็ยังคงมีเทคโนโลยี่ล่าสุดจากหัวไม้รุ่นพี่เสริมเข้าไปในหัวไม้ที่มีทั้ง ASP (Adjustable Sole Plate) และ FCT(Flight Control Technology) ที่ท่านนักกอล์ฟสามารถปรับแต่งมุมองศาหน้าไม้ทั้งเปิดและปิดได้ 24 ตำแหน่ง

นักกอล์ฟทุกท่านมีสวิงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง(Unique swing) ดังนั้นการที่เรามีหัวไม้มีสามารถปรับมุมและองศาให้เข้ากับมุมสวิงที่เป็น ส่วนตัวของเราในช่วงอิมแพค(the Angle of Swing path at the impact) นั้นหมายถึงนักกอล์ฟท่านนั้นจะได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมาจากการ ตีหัวไม้ที่เข้ากับเขามากที่สุด


มีบางอย่างที่ต่างไปจาก R11 เดิม ทางเทย์เลอร์เมดได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของCG ที่รุ่นเดิมตํ่ำและอยู่ทางด้านหลังซึ่งก็เป็นหลักการทั่วไป แต่ใน R11s Fairway มีการออกแบบCG ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าและขยับเลื่อนไป ด้านหน้า ที่เป็นผลจากการออกแบบแบบแยกชิ้น และออกแบบกระดองให้มีความหนาบางต่างกัน ทำให้สามารถควบคุมให้น้ำหนักและกำหนดตำแหน่งCG เป็นไปตามที่ต้องการได้ ทำให้หน้าไม้เข้าลูกได้เต็มประสิทธิภาพเพื่อมุมเหินของลูกที่ดีที่สุด และมาพร้อกับหน้าไม้ที่มีความลึก 36mm ผสมผสานกับเทคโนโลยี่ ASP และ FCT ทำให้นักกอล์ฟสามารถดึงลูกให้อยู่ในแฟร์เวย์หรือขึ้นกรีนได้อย่างแม่นยำในหลุมพาร์5

นักกอล์ฟมือกลางๆจะไม่ค่อยชอบตีแฟร์้เวย์ แต่จากการทดสอบหัวไม้ตีเข้าลูกง่ายวิถีลูกพุ่ง สำหรับผู้ทดสอบอาจมีอาการลูกพุ่งออกไปทางซ้ายเล็กน้อย แต่เมื่อปรับASP ให้อยู่ในตำแหน่งที่เข้ากับสวิงของผู้ทดสอบสามารถตีลูกพุ่งเข้ากลางแฟร์เวย์ ได้ ส่วนวิถีโด่งปานกลาง หัวไม้มีการชดเชยข้อผิดพลาดดีไม่เสียระยะมากนักในขณะที่ตีไม่กลางหน้าไม้ หัวไม้สีขาวช่วยลดแสงสะท้อนได้ดีในขณะแดดจัด ทำให้ง่ายต่อการเล็ง ขนาดที่ไม่ใหญ่มากทำให้มั่นใจในการตีสวิงเข้าอิมแพคลูก ส่วนระยะที่ได้น่าพอใจวิถีลูกไม่โด่งมากและสำหรับนักกอล์ฟที่ตีลูกพุ่งโด่ง หรือตีลูกไม่ค่อยลอย R11s Fairway สามารถปรับและช่วยแก้ปัญหาให้ท่านนักกอล์ฟได้

Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

More....Test&Review

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Test And Reviews: Cobra ZL Encore Driver By WWW.SPASHAFT.COM

Test And Reviews: Cobra ZL Encore Driver By WWW.SPASHAFT.COM
The Cobra ZL Encore เป็นหัวไม้สีขาวรุ่นที่ 3 ที่ได้รับการปรับปรุงมาจาก
หัวไม้ในรุ่น S3 และรุ่นก่อนหน้านี้คือรุ่น ZL Model ทาง Cobra ได้ใช้วัสดุหลายๆอย่างในการประกอบรวมกัน ทำให้มีรูปร่างทั้งหมดที่ใหญ่กว่าเดิม5% วัสดุที่ใช้เป็น Titaniumและมีส่วนที่เป็นCarbon Fiber ประกอบกันโดยในส่วนที่เป็นกระดอง(Crown) และใต้ท้อง(Sole) จะเป็นคาร์บอนและมีส่วนที่เพิ่มมาจะเป็นหมุดสวิงเวทอยู่ใต้ท้องที่สามารถ เปลี่ยนน้ำหนักได้ ซึ่งมันจะทำให้จุดศูนย์ถ่วง(Center of Gravity) และ MOI ต่ำและลึกไปทางด้านหลังเพื่อที่จะทำให้ตีได้ระยะและวิถีลูกที่พุ่งออกจาก หน้าไม้ในมุมที่ดีที่สุดและทุกซ็อตการตีเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
The ZL Encore ในส่วนหน้าไม้ก็ยังคงใช้เทคในโลยีเดิมเหมือนรุ่นก่อนๆ
คือ E9 Technology พร้อมกับหน้าไม้ที่เป็นแบบสองมุม (Dual Roll) ซึ่งเทคนิค นี้ช่วยชดเชยข้อผิดพลาดและยังเพิ่มพื้นที่ปะทะลูกที่เป็นวงรีและมีขนาดที่ เพิ่มขึ้น30% และทาง Cobra ยังเพิ่มเทคนิคที่เรียกว่า Canted bulge เพื่อชดเชดเวลาที่ตีเข้าลูกค่อนไปทางด้านบนหรือด้านล่างของหน้าไม้
The ZL Encore ยังมีคอไม้ที่สามารถปรับได้ที่เรียกว่า AFT( Adjustable Flight Technology) ที่นักกอล์ฟสามารถตั้งให้หน้าไม้เป็นสแควร์ เปิดหรือปิด ซึ่งทำให้นักกอล์ฟสามารถตีลูกให้อยู่ในแฟร์เวย์ได้จากการปรับให้หน้าไม้อยู่ ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง หรือปรับวิถีลูกที่นักกอล์ฟท่านนั้นต้องการได้
Cobra รุ่นนี้ได้ออกมาในสองรูปแบบคือแบบที่เป็นสีขาวหมดกับแบบสีดำที่เป็นตัว หนังสือสีเหลือง ทั้งสองแบบนี้ใช้กริพ Golf Pride Multi-compound ส่วนก้านที่มากับหัวไม้เป็นก้าน Tour AD Flex S 60g Tq4.4 Mid kick point และ Tour AD Flex R 55g TQ5.2 Mid kick point
ผลจากการทดสอบ: หัวไม้ทั้งสองมีวิถิลูกที่ค่อนข้างโด่งลอยนาน ค่าสปินปานกลาง ระยะค่อนข้างดี หัวไม้มีสมดุลย์ควบคุมง่าย ก้านอาจจะค่อนข้างอ่อนแต่ไม่เสียการควบคุม ลดข้อผิดพลาดจากการตีในลักษณะต่างๆได้ดี

สรุปได้ว่าไดร์ฟเวอร์ ZL Encore ตัวนี้เป็นตัวที่มาแทนรุ่นS3 และ ZL แต่ยังคงใช้ E9 technology ทางด้าน
ส่วน หน้าของหัวไม้ ซึ่งพื้นที่หน้าสัมผัสหรือสวีทสปอตได้ถูกขยายให้กว้างขึ้นลักษณะของการออก แบบ สวีทสปอตนั้นจะมีลักษณะเอียงๆเป็นรูปไข่ การที่สวีทสปอตมีรูปเป็นวงรีนั้นเป็นผลจากการสำรวจของการตีจากนักกอล์ฟจำนวน มากที่โดยเฉลี่ยแล้วจะตีถูกหน้าไม้ถ้าตีพลาดจะตีเข้าทางด้านล่างใกล้มาทาง โคนไม้ หรือถ้าพลาดจะค่อนไปทางปลายด้านบนใกล้ทางปลายไม้ นี่จึงเป็นที่มาของรูปทรงสวีทสปอตที่เป็นวงรีทะแยงจากบนลงล่าง ZL Encore นี้จะมีหน้าไม้มีลักษณะโค้งนูนจากบนลงล่างและจากซ้ายไปขวาซึ่งทาง Cobra เรียกว่า Canted Bulge with Dual Roll เพื่อช่วยชดเชยของผิดพลาดในการตีที่ไม่ถูกกลางหน้าไม้ที่พลาดไปทางด้านบนและ ด้านล่างของหน้าไม้ และสิ่งที่เราสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงจาก ZL Encore ภาพลักษณะที่มองเห็นอย่างชัดเจนคือรุ่นหัวไม้สีดำและมีตัวหนังสือสีเหลือง ทอง (Electric yellow) และอีกแบบหนึ่งที่เป็นสีขาวทั้งหมดทีดูสะดุดตา ซึ่งมองเห็นชัดมากเวลาที่ตีในสนามมันดูสะดุดตามาก นั้นรวมถึงก้านที่ Cobra ใช้ก้านของ Graphite Design TD ที่สั่งพิเศษเป็นขาวและกริพจาก Golf Pride Multi Compound สีขาวล้วน
โดยรวมแล้วเมื่อนำ ZL Encore ไปออกรอบหัวไม้ช่วยลดข้อผิดพลาดได้ดีถึงแม้ว่าตีไม่ค่อยถูกกลางหน้าไม้ก็ตาม และการที่หน้าไม้ปรับได้สามแบบซึ่งทำ
ให้เราสามารถปรับหน้าไม้เป็นแบบก ลาง(neutral) หรือแบบปิด(close) และเปิด(open) ทำให้นักกอล์ฟที่ฝีมือดีหน่อยก็สามารถปรับหน้าไม้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน ได้ สำหรับนักกอล์ฟที่ไม่ชอบหน้าไม้ปิดซึ่งอาจจะปรับให้หน้าไม้สแควร์ หรือนักกอล์ฟที่ตีค่อนข้างเฟดร์อาจปรับให้หน้าไม้ปิดเล็กน้อย ส่วนเรื่องของเสียงซึ่งอาจจะไม่ใส่เท่าหัวไม้ที่เป็นไทเทเนียมทั้งหมดแต่ก็ถือว่า Cobra ทำหัวไม้ที่ให้เสียงที่ไม่น่ารำคาญ เสียงจะค่อนข้างต่ำเนื่องจากเป็น Carbon composite แต่ก็ถือว่าเสียงดีว่าหัวไม้ที่เป็นแบบเดียวกัน
Cobra ZL Encore จัดเป็นหัวไม้ที่ดี นักกอล์ฟที่เหมาะน่าจะเป็นนักกอล์ฟที่มีแฮนดิแคปตัวเดียวกลางๆไปจนถึงแฮนดิ แคปประมาณ 24 ส่วนความแข็งของก้านนักกอล์ฟที่ตีแรงอาจเลือกที่แข็งหน่อย แต่ถ้าแข็งไม่พออาจต้องหา Club Fitter ที่มีความชำนาญช่วยแนะนำเรื่อง Fitting

ตอนนี้ก็มีนักกอล์ฟฝีมือดีๆหรือทัวร์โปรใช้ ZL Encore ในการแข่งขันในทัวร์นาเมนท์ต่างๆประสบความสำเร็จกันมาก การที่หัวไม้ตีได้ดีน่าจะมาจากการที่หัวไม้เพิ่มขนาดขึ้น 5% มันทำให้ตีง่ายขึ้น และข้อมูลที่เก็บจากการลองของนักกอล์ฟเป็นพันคน Cobra จึงออกแบบหัวไม้ที่สามารถช่วยให้นักกอล์ฟตีลูกได้แม่นยำและลดข้อผิดพลาดได้ ดีและ ณ ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์และข้อมูลมีส่วนสำคัญอย่างมากในการออกแบบหัวไม้ดีๆมา ให้เราได้ตีกัน

การเล่นกอล์ฟที่ดีเริ่มจากกริพที่ดี

นักกอล์ฟหลายคนไม่ค่อยคิดว่ากริพนั้นสำคัญเท่ากับการจับกริพนักกอล์ฟหลายคนส่วน ใหญ่มักจะระวังกับการจับกริพให้ถูกต้องแต่กลับลืมไปว่ากริพที่ตัวเองจับอยู่ นั้นทั้งเก่าและลื่นซึ่งก็ไม่ดีไปกว่าการไม่มีกริพเลยนั้นเอง
กริพที่อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนอกจากจะลื่นแล้วยังทำให้คุณตีเสียระยะและความ แม่นยำไปซึ่งก็หมายถึงสกอร์ที่เพิ่มขึ้นทั้งนี้โปรกอล์ฟที่เล่นอยู่ในทัวร์ต่างๆ เข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี และนั่นก็คือเหตุผลที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องมีกริพที่ดีและใหม่ก่อนแข่งขัน ในแต่ละรอบพวกเขาพิถีพิถันกับการทำความสะอาดกริพและเปลี่ยนกริพเป็นประจำ ซึ่งบางทีก็อาจจะหมายถึงทุกๆเดือนก็เป็นอย่างไรก็ตามนักกอล์ฟทั่วไปควรจะ เปลี่ยนกริพประมาณปีละครั้ง ตรวจสอบอุปกรณ์ของตัวเองบ่อยๆ เพราะว่ากริพที่ใหม่และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีนั้นจะช่วยให้คุณเล่นกอล์ฟ ได้ดีขึ้นและมีความสุขกับมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Q. เราควรจะเปลี่ยนกริพบ่อยแค่ไหน

A. โดยทั่วไปของการจับไม้กอล์ฟถ้าคุณเล่นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งสัปดาห์คุณควรจะ เปลี่ยนกริพปีละครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่
เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น แสงอุลตร้าไวโอเล็ตจากอาทิตย์ โอโซนจากชั้นบรรยายกาศตลอดจนความสกปรก ความมัน และเหงื่อจากผิวหนังของเรา ทำให้กริพของเราเก่าขึ้น กริพที่ลื่น แข็งและแตก ควรเปลี่ยนทันทีโดยไม่คำนึงถึงอายุการใช้งาน อย่างไรก็ดีการเสื่อมสภาพของกริพเกิดขึ้นอย่างช้าๆตลอดเวลาดังนั้นทางที่ดี คุณควรจะขอคำแนะนำจากโปรของคุณหรือหาผู้เชี่ยวชาญการทำไม้กอล์ฟเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าถึงเวลาที่คุณควรจะเปลี่ยนกริพใหม่แล้วหรือยัง
Q. ทำไมเราถึงไม่ทำกริพที่อยู่ได้นานหลายๆปี

A. เราทำได้แต่นั้นก็หมายถึงกริพที่ลื่นแข็งและเกือบจะใช้เล่นไม่ได้ ซึ่งความหมายของกริพที่ดีนั้นคือการให้ความกระชับและความรู้สึกที่สบายเพื่อ การควบคุมที่ดี เราได้ทดลองโดยใช้ส่วนประกอบเป็น
ร้อยๆชนิดก่อนที่ Golf Pride grip จะถูกนำออกมาขายในตลาดในขณะที่ความต้องการของลูกค้าแต่คนส่งผลต่อดีไซน์ของก ริพ โครงร่างภายนอกและบททดสอบที่สำคัญที่สุดก็คือคุณภาพการใช้งานของกริ พ(Playability)ซึ่งก็คือสาเหตุสำคัญที่ไม่มีกริพไหนที่อยู่ได้นานหลายปี

Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

More....Test&Review

New Superman EGooIII By Proworkz

New Superman EGooIII By Proworkz สำหรับนักกอล์ฟที่มีสวิงสปีดปานกลางหรือค่อนข้างช้าส่วนใหญ่ต้องการ คุณสมบัติของไดรเวอร์ที่มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา ก้านไม่แข็งมาก หัวไม้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่มีสวีทสปอตกว้างช่วยลดข้อผิดพลาดได้ดี พร้อมทั้งสร้างมุมเหินของลูกและสปินน้อย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจะช่วยไห้นักกอล์ฟสามารถเพิ่มระยะพร้อมทั้งการควบคุม หัวไม้ได้ดีในขณะที่สวิง และในบรรดาหัวไม้ประเภทนี้จะมีไดรเวอร์ยี่ห้อเด่นๆอยู่ไม่มากนักในท้องตลาด บ้านเราซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในเรื่องความไกล ตีง่าย คุณภาพระดับพรีเมียม และหัวไม้ที่โลโก้รูปตัว "S" ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ของผู้พิทักษ์โลก (Superman) ก็เป็นไดรเวอร์ที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ การที่เป็นหัวไม้ตีได้ระยะไกล จึงถือเป็นจุดเด่นของSuperman ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากนักกอล์ฟเป็นอย่างดีในรุ่นแรกและในรุ่นต่อมา ก็ยังคงรักษาชื่อเสียงของความไกลมาอย่างต่อเนื่องมาจนถึง Superman ในรุ่นล่าสุด EG00III

ทดสอบ: Superman EG00III Forged Titanium (R&A non-conforming model)

ประเภทหัวไม้: Max Game Improvement

สเปค: Loft (Deg) 9* ,10*

Lie (Deg) 57 58

Length (inch) 46"

Weight (gram) 294

Swing weight D3

Volume [cc] 460

Material Crown KS15-3-3-3 (Titanium alloy)

Sole KS120 (Titanium alloy)

Face DAT55G (Titanium alloy)

Neck pure Titanium

Finishing paint and shine

Shaft for MENS

Color Gold

Flex SR R1

Weight [gram] 50 49

Torque 4.9 5.2

Kick point high middle

Grip for MENS

Model Name C48 (Elite Grip)

Size M60

Back Line YES

Color Black / Gold

Weight [gram] 48

Test: Superman EG00III 9* 10* Flex R1 SR เป็นหัวไม้ที่ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา EG00III มีSweet Spot ที่ถูกขยายให้มีพื้นที่ปะทะลูกที่กว้าง ประกอบกับการออกแบบโครงสร้างที่เป็นวัสดุที่เป็นTitanium 4 ชิ้น ซึ่งหัวไม้ประเภทพรีเมียมนิยมออกแบบในลักษณะแบบนี้ เพราะวิศวกรผู้ออกแบบสามารถควบคุมทั้งโครงสร้าง และน้ำหนัก ซึ่งวัสดุแต่ละชิ้นมีความหนาบางจากการออกแบบต่างกัน ทำให้สามารถควบคุมและกำหนดจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำและลึก ไปพร้อมๆกับช่วยให้หัวไม้มีMOI สูงทำให้หัวไม้เคลื่อนที่เข้าปะทะลูกในมุมที่สแควร์ ก้านที่มากับหัวไม้มีน้ำหนักเบามีความแข็งไม่มากนัก ก้านเป็นแบบมีจุดดีดที่ค่อนมาทางปลายก้านทำให้ช่วยเพิ่มมุมปะทะของหน้าไม้ (Angle of Attack) ได้เต็มประสิทธิภาพ เทคนิคการออกแบบโดยเอาก้านที่เบาซึ่งมีแรงบิดมากมาประกอบกับหัวไม้น้ำหนัก เบาจะช่วยเพิ่มมุมปะทะลูกได้ดี

จากการทดสอบ Superman EG00III ก้านและหัวไม้ตอบสนองการสวิงได้ดีไม่เสียระยะมากนักแม้นักกอล์ฟท่านนั้นจะ ใช้มือตีมากกว่าการสวิง นี่คือจุดเด่นของSuperman เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีสวิงสปีดปานกลาง ทักษะการตีพอใช้ ความเร็วหัวไม้ไม่ควรเกิน95mph ถ้าสวิงแรงหรือเร็วกว่านี้หัวไม้อาจเสียหายแตกได้เนื่องจาก Superman เป็นหัว ไม้ที่ถูกจัดอยู่ในประเภทnon-conform หัวไม้ประเภทนี้จะมีหน้าไม้ที่ค่อนข้างบางเพื่อช่วย สร้างแรงดีดให้ลูกพุ่งออกจากหน้าไม้มากกว่าค่ามาตราฐานที่USGAกำหนด จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือความสมดุลย์ของไม้ที่ถึงแม้นว่าก้านจะค่อนข้างยาว แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะสวิงเข้าหาลูก แม้นักกอล์ฟคนนั้นสวิงไม่ค่อยดีมากก็ตาม และการออกแบบสีสรรช่วยสร้างความั่นใจและความมีรสนิยมให้กับเจ้าของได้เป็นอย่างดี

การออกแบบหัวไม้ให้นักอล์ฟมือทั่วๆไปตีได้ไกลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับระยะและความประทับใจในการตีแต่ละซ็อท มันเป็นเรื่องของคุณภาพของไม้ที่นักกอล์ฟผู้เป็นเจ้าของได้ใช้มันอย่างเต็ม ประสิทธิภาพ มีข้อติชมนิดหน่อยคือเรื่องของหัวไม้ที่อาจเสียหายได้จากการตีแรงเกินไปและราคาที่ต้องตัดสินใจนานก่อนซื้อ

Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

More....Test&Review

Test and Reviews Titleist 712 Iron AP1,AP2 by WWW.SPASHAFT.COM

Test and Reviews Titleist 712 Iron AP1,AP2 by WWW.SPASHAFT.COM

วันนี้เราได้รับชุดเหล็กที่เรียกได้ว่าฮ็อตมากในขณะนี้มาเพื่อทำการทดสอบ เหล็กจากค่ายนี้จะมีแฟนพันธุ์แท้ติดตามและรอคอยชุดนี้มานานพอสมควรกว่าเหล็ก ชุดนี้มาออกวางจำหน่าย ซึ่งTitleist 712 Iron ที่ออกมาให้เราได้ทดสอบก็ไม่สร้างความผิดหวังทั้งยังรู้สึกประทับใจใน ประสิทธิภาพและรูปทรง

การเปลี่ยนแปลงที่แตกต่าง: Titleist Ap2 เป็นชุดเหล็กที่มีผลงานที่เรียกได้ว่าใช้เทคนิคการผลิตที่พัฒนาก้าวหน้ามาก มีปะสิทธิภาพที่เพิ่มจากเดิม ใช้วัสดุการผลิตที่ผสมผสานกันหลายแบบซึ่งทำให้ง่ายต่อการเล่น ตีได้แน่นและยังให้ความรู้สึกที่ดีในด้านหน้าตาและรูปทรง (Classic Look) เป็นการผสมผสานการออกแบบเหล็กให้ดูไม่หนาเทอะทะทั้งซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์ แดงของทีมออกแบบ ส่วนวัสดุที่ใช้ก็เป็นเหล็กForged เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องการพัฒนาเกมการเล่นและนักกอล์ฟฝีมือดี

Titleist 712 AP2 มีใบเหล็กที่มีเทคโนโลยี่ที่ล้ำหน้ามาก ซึ่งเหล็กจะช่วยเพิ่ม Forgiveness(ลดข้อผิดพลาด) โดยที่ไม่ได้ทำให้การบังคับหรือควบคุมการตีเสียไป นักกอล์ฟยังสามารถตีแบบแต่งซ็อตได้ New Iron 712 AP2 มีการเปลี่ยนแปลงความยาวของใบแตกต่างกันออกไปในแต่ละเหล็ก และมีการผสมผสานวัสดุต่างๆที่มีความหนาแน่นและการจัดวางซึ่ง ทำให้เหล็กมีการกระจายน้ำหนักที่ดี สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกที่ดีในการตีพร้อมกับเสียงที่ดีในขณะหน้าไม้ปะทะ ลูก ซึ่งถ้านักกอล์ฟที่ต้องการจะพัฒนาฝีมือ 712 AP2 น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก เพราะ มันเพิ่มความสามารถในการเล่นของนักกอล์ฟจากวัสดุประกอบกับหลายแบบด้วยวัสดุ ที่เป็น Carbon steel และการผลิตแบบ Forged แต่ที่เป็นจุดเด่นก็คือทังสเตนที่มีความหนาแน่นสูงถูกว่างในตำแหน่งที่เหมาะ สมซึ่งเท่ากับเป็นการกระจาย น้ำหนักของใบเหล็กให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใบเหล็กสามารถควบคุมระยะได้ตีแม้ตีไม่ถูกกลางหน้าไม้ เนื่องจากใบเหล็กที่ออกแบบมาใหม่นี้มี MOI ที่เพิ่มมากกว่าเดิมถึง7% จึงไม่เสียการสมดุลย์ของการทำงานของใบเหล็ก เวลาที่ตีถูกกลางหน้าไม้จะให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ส่วนขนาดของใบเหล็กและขนาดใต้ท้องจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในเหล็กสั้น ส่วนSole(ใต้ท้อง) จะลดขนาดลงเพื่อลดการเสียดทานในขณะตีจากหญ้าหนา ส่วนรูปทรงใบดูกระชับมีขนาดเล็กลงทรงใบด้านปลายใบจะค่อนข้างเหลี่ยมเล็กน้อย ไม่มนโค้งเหมือนรุ่นก่อน รับกับอ็อฟเซ็ทของใบเหล็กแต่ละเบอร์ที่เป็นแบบ Progressive offset ที่สัมพันธ์กับความยาวของใบเหล็กในแต่ละอัน

Titleist 712 AP1 เป็นการพัฒนาเหล็กให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มีเทคนิคที่ผสมผสานให้ความหนักแน่นในการตี ซึ่งก็เป็นผลจากการปรับปรุงหน้าตาประการออกแบบให้ดูดี เหมาะกับนักกอล์ฟที่กำลังมีแรงบันดาลใจไปจนนักกอล์ฟที่เอาจริงเอาจัง กุญแจของการปรับปรุงที่เป็นหัวใจที่มีความสำคัญของ AP1 ก็คือการเพิ่ม Forgiveness(ลด ข้อผิดพลาด) มันทำให้นักกอล์ฟสามารถควบคุมไม้ได้ดี ซึ่งในเรื่องของการควบคุมเหล็กหรือประสิทธิภาพของเหล็กที่สามารถแต่งซ็อตได้ ดีนั้นเป็นจุดเด่นเหล็กTitleist ในตระกูล AP และในขณะที่รูปลักษณ์หน้าตาที่เหล็กแต่ละเบอร์จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใบที่ ละนิด พร้อมกับเพิ่มแรงเฉื่อยทำให้การตีเหล็กแต่ละเบอร์มีความหนักแน่น ทั้งหมดเป็นการผสมผสานกันของเทคโนโลยี่ต่างๆที่ช่วยให้เหล็กทำงานได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ AP1 มีลำตัวที่เป็น Stainless steel และที่ใต้ท้องมีทังสเตนที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้เหล็กมีความสม่ำเสมอและแม่นยำในการตีเพิ่มบอลสปีดได้ดีและไม่เสียระยะ เมื่อตีไม่เข้ากลางหน้าไม้ ซึ่งในส่วนของเหล็กยาวที่ตีได้ดีทาง Titleist มีการเพิ่ม MOI ถึง4% จึงทำให้ตีได้ตรงขึ้น ส่วนในเหล็กสั้นจากการลดความยาวจึงทำให้การตีเหล็กในเหล็กสั้นได้อย่างหนัก แน่นจากการที่มีการวางตำแหน่งทังสเตนที่มีความหนาแน่นเพื่อช่วยในการกระจาย น้ำหนักและปรับแต่งเหล็กให้มุมมองจากด้านบนไม่ดูหนาและโค้งมนสร้างความ รู้สึกที่ดีในการจรดลูก

Titleist 712 AP1 และ AP2 เป็นวิวัฒนาการมาจากรุ่น 710 มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษโดยเฉพาะการที่เหล็กสามารถชดเชยข้อผิดพลาดมากกว่า เหล็กชุดก่อน สิ่งที่รุ่น 712 เปลี่ยนไปจากรุ่น 710 ที่ชัดเจนคือแผ่นโลหะที่เสีบยอยู่ใต้ท้องที่มีการแยกอิสระจากกันที่ไม่ เหมือนรุ่นก่อนที่เป็นชิ้นเดียวกัน และมีการปรับใต้ท้องให้บางลงและมีการใช้ทังสเตนที่บางแต่มีความหนาแน่นที่ สูงมากกว่าเดิม และจากการที่ทังสเตนถูกแยกออกจากกันจึงทำให้สามารถที่จะวางทังสเตนได้ใน ตำแหน่งที่ต้องการเพื่อให้ใบเหล็กแต่ละใบมีเสถียรภาพมากที่สุดจึงเป็นการ เพิ่ม MOIให้กับเหล็กแต่ละใบ เวลาที่เราพูดถึงการชดเชยข้อผิดพลาด(Forgiveness) มันเป็นได้ในหลายๆเรื่อง เช่น ชดเชยในเรื่องที่ทำให้คุณตีได้ระยะมากขึ้น ตีง่ายขึ้น ตีได้ตรง ขึ้น หรือแม้กระทั่งตีได้ถูกตรงกลางมากขึ้น ซึ่งมาจากการวางน้ำหนักที่ต้องการจึงทำให้ใบ 712 มี MOI ที่มากกว่ารุ่นอื่นที่เคยมีมา เรื่องต่อมาก็คือเรื่องความยาวของใบเหล็กซึ่ง Titleist ได้ข้อมูลมาจากนักกอล์ฟและของทางบริษัทและอีกหลายๆทาง เดิมในรุ่นก่อน 710 ใบเหล็กมีความยาวเท่ากันตั้งแต่เหล็กยาวไปจนถึงเหล็กเจ็ด และใบจะเล็กลงไปจนถึงเวดจ์ ซึ่งเป็นการลดลงแบบขั้นบันได แต่ในรุ่น 712 ใบเหล็กจะค่อยๆลดขนาดลงซึ่งการลดขนาดของใบที่เป็นแบบค่อยๆลดลงจะทำให้การมอง ใบเหล็กในขณะจรดในการตีโดยเฉพาะเหล็กแปดไปจนถึงเวดจ์ที่มีขนาดเล็กลงซึ่งมี ผลต่อการสร้างความมั่นใจให้การตีเหล็กสั้นทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น

ทั้งสองรุ่นทั้ง AP1 และ AP2 จะมีความแตกต่างกันบ้างในเรื่องของขนาดใบเหล็ก อ็อฟเซ็ท และวัสดุในส่วนที่เป็นลำตัว แต่ทั้งสองมีความแตกต่างไปจากรุ่น 710 อย่างมาก แต่ที่เห็นได้เด่นชัดคือทั้งสองจะดูรูปทรงกระชับ(Compact) กว่ารุ่นก่อน ซึ่งเราอาจจะเห็นพวกทัวร์โปรใช้เหล็กั้งสองรุ่นผสมกันซึ่งในเหล็กยาวจะลดข้อ ผิดพลาดได้มากกว่า เหล็ก AP2 เป็นเหล็กแบบ Multi material คือการผสมผสานกันของวัสดุและการออกแบบที่เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีแต้มต่อไม่ มากนักส่วน AP1 จัดเป็นชุดเหล็กที่เหมาะกับนักกอล์ฟระดับฝีมือปานกลางที่ต้องการเหล็กที่ ช่วยลดข้อผิดพลาดได้ดี

สรุปสิ่งที่AP1และAP2มีการเปลี่ยนแปลงที่พอจะสรุปได้ซึ่งสิ่งที่มีอยู่ใน เหล็กชุดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เหล็กชุดนี้เต็มไปด้วย ประสิทธิภาพ

-การแยกแผ่นน้ำหนักที่มีความหนาแน่นสูงออกจากกัน พร้อมกับการวางตำแหน่งที่ทำให้เหล็กมี MOI สูงขึ้น ทำให้ใบเหล็กมีขนาดที่บางลงซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถเลือกวางน้ำหนักใน ตำแหน่งที่ต้องการ

-ความกว้างของใต้ท้องที่รุ่นก่อนมีขนาดใหญ่ของเหล็กสั้นที่ค่อนข้างกว้าง เกินไปมีปัญหาในการตีเข้าลูก แต่เมื่อมีการสอดแผ่นทังสเตนที่มีความหนาแน่นสูงแต่มีขนาดเล็กลง ทำให้สามารถปรับความกว้างของใบในเหล็กสั้นให้แคบลงได้

- การออกแบบหน้าตาในขณะจรดลูกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่สองสามจุดที่เล็กมากแต่มี อิทธิพลเวลาที่เราจรดลูก เช่นตรงส่วนปลายใบให้มีลักษณะที่โค้งมนน้อยกว่ารุ่นเดิมคือเหลี่ยมมากขึ้น เล็กน้อย อีกส่วนก็คือส่วนที่เป็นสันใบ(Top Line) ให้บางลงไม่หนามากเพื่อความมั่นใจนักกอล์ฟฝีมือดี

- น้ำหนักส่วนใหญ่ตกอยู่บริเวณใต้ท้อง20% ก็ด้วยการวางน้ำหนักด้วยทังสเตนที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ใน เรื่องของแรงเฉื่อย MOI ของใบที่เพิ่มขึ้นอีก7% และการเพิ่มตัวเลขทั้งหมดนี้ได้โดยที่ไม่ต้องเพิ่มขนาดของใบให้ใหญ่มากนัก และเมื่อเทียบกับขนาดของเหล็กชุดเดิม 712 AP2 มีขนาดเล็กลง6% จึงทำให้เหล็กชุดใหม่นี้ตีง่ายขึ้น เพิ่มบอลสปีด

และถ้าเปรียบประเภท Cavity ที่มีอยู่ในปัจจุบัน AP2 นี้ได้เปรียบกว่ามากทั้งรูปลักษณ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่หนา มีแรงเฉื่อยสูง น้ำหนักรวมอยู่ในส่วนล่างมากกว่ามีประสิทธิภาพในการตีเข้าลูกได้หนักแน่น และชดเชยข้อผิดพลาด ซึ่งจะทำให้นักกอล์ฟนำเหล็กชุดนี้ออกรอบได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับก้าน Dynamic gold รุ่นใหม่ยิ่งทำให้เห็กชุดนี้เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ

Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

More....Test&Review