วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ลืมสเปคเก่าซะ

วันนี้มีน้องนักกอล์ฟมาปรึกษาว่าทำไมเปลี่ยนก้านใหม่แล้วยังตีไม่ดีเท่าก้านเก่าทั้งที่เทียบสเปคทุกอย่างเหมือนก้านเก่าไม่ว่าสวิงเวทและความยาวก้าน? เท่าที่สังเกตุนักกอล์ฟส่วนใหญ่เวลาเปลี่ยนก้านใหม่จะยังคงยึดข้อมูลก้านเดิม(Specification)เป็นหลักเช่นต้องมีสวิงเวทและความยาวเท่าเดิม ทั้งๆที่ก้านเดิมตีไม่ดีแต่ยังคงให้ก้านใหม่ที่เปลี่ยนใช้สเปคเดิม นี้อาจเป็นเพราะอาจเข้าใจว่าหัวไม้อันนั้นต้องมีสเปคนี้เท่านั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ต้องเหมือนกับที่โรงรานผลิตเขาให้มา ก็เลยไปยึดติดกลับสเปคของก้านของที่มาจากที่มาจากโรงงาน นี่อาจเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก มีผลให้ก้านใหม่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
ไม้ที่สร้างจากโรงงานที่เอาขายพร้อมก้านนั้นเป็นการคิดค้นและพัฒนา(R&D,Research and Development)ของแต่ละบริษัทที่ต้องการสร้างไม้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสนองความต้องการของตลาดที่มีความต้องการสูง นั้นหมายความว่าไม้ทุกอันที่ออกมาจากแต่ละบริษัทนั้นเข้ามั่นใจว่าต้องดีที่สุดแน่นนอน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เมื่อคุณเปลี่ยนก้านใหม่แต่คุณยังคงต้องการใช้สเปคเหมือนเดิม มันอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะทำให้ก้านใหม่ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก้านใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องมีสเปคเหมือนเดิม ชึ่งความแข็งของก้าน นำ้หนักรวมของก้าน Kick point Bend point หรือวัสดุที่ใช้ผลิต ล้วนมีผลที่ทำให้ก้านทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ถ้าจงใจใช้สเปคเดิม
เมื่อเราเลือกก้านใหม่ที่เราคาดว่าต้องมีประสิทธิภาพดีกว่าเก่า และจะทำมันให้เข้ากับวงสวิงคุณให้มากที่สุด สิ่งแรกClub fitterของคุณต้องรู้วีธี ในการที่จะทำให้ก้านใหม่ที่เลือกนั้นมีสมดุลย์กับหัวไม้และเข้ากับวงสวิงของคุณซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องมีข้มูลของวงสวิงคุณพอสมควร ดังน้้ันนำ้หนักรวมความยาวของก้านใหม่และสวิงเวทกริพ ควรสัมพันธ์กับวงสวิงหรือความสามารถในการสวิง(swing talent) ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณเป็นคนตีแม่นลูกมีสวิงที่ไม่กระชากมากลูกค่อนข้างอยู่ในแฟร์เวย์ คุณสามารถเลือกความายาวที่ยาวที่สุดที่คุณควบคุมการตีได้ดี แต่ถ้าคุณเป็นคนตีเร็วกระชากลงมาและไม่ค่อยแม่นลูก Club Fitter ของคุณอาจมีวีธีที่จะทำให้ไม้ของคุณนั้นทำงานเต็มประสิทธิภาพได้
เราควรให้วงสวิงของคุณเป็นตัวตัดสินใจในการเลือกก้านและทำไม้อันใหม่น่าจะดีกว่ายึดเอาสเปคจากโรงงานที่เข้าผลิตมาเพื่อให้นักกอล์ฟทั่วไปใช้ และเมื่อไหร่ที่คุณเปลี่ยนก้านนั้นหมายความว่าคุณกำลังทำไม้อันนั้นให้เหมาะกับคุณที่สุด ok

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Mizuno JPX800 / Mizuno JPX800 XD

Mizuno JPX800 / Mizuno JPX800 XD

Concept: ไม้นี้ตั้งใจผลิตออกมาเพื่อให้ตีได้ระยะ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการผลิตเหล็กชุดนี้ ดังนั้นโครงสร้างและวัสดุที่เลือกใช้ทำให้เหล็กชุดนี้มีหน้าใบที่บางแต่แข็งให้ความรูสึกสัมผัสที่นุ่มตอนหน้าไม้ปะทะลูกและในขณะเดียวกันก็ให้ค่า COR สูงเป็นพิเศษทำให้เหล็กชุดนี้ทำระยะได้โดดเด่น

ประเภทของเหล็ก: wide range and game improvement

Key&Technologies: หน้าไม้เป็นแบบ ultra thin ที่บางแต่มีความแข็งให้ความยืดหยุ่นได้ดี วัสดุที่เป็น Hot method เพื่อที่จะเพิ่มระยะในการตี และในขณะที่การออกแบบโครงสร้างที่เป็นแบบ Cavity Design ทำให้มีมุมและพื้นที่ในการที่หน้าไม้ปะทะลูกเพิ่มขึ้น ส่วน CG ที่ตำ่ในเหล็กยาว (เหล็ก4-7) จะมีค่า COR ที่สูงเพื่อเพิ่มระยะ ในขณะที่เหล็ก 8-Pw มี CG ที่ลึกช่วยชดเชยข้อผิดพลาดในขณะตีขึ้นกรีน จากการทดสอบเหล็กรุ่นใหม่ๆในช่วงนี้ Mizuno JPX800 จัดเป็นหนึ่งในชุดเหล็กที่ดีที่สุดชุดหนึ่ง ส่วนใบเหล็กก็ดูคลาสสิก ข้อดีก็คือค่า Playability ของเหล็กจัดเป็นชุดเหล็กที่มีแนวโน้มใช้งานได้ดีทำให้นักกอล์ฟทั้งหลายมีความมั่นใจที่จะพัฒนาเกมของตัวเองและฝีมือจากการตีจากทุกสภาพพื้นที่ในสนามกอล์ฟ (สามารถตีได้จากไลน์ที่หลากหลายในสนาม)

ความแม่นยำ(Accuracy) และการลดข้อผิดพลาด(Forgiveness) :MPX800 ให้ทั้งความแม่นยำโดยที่ยังรักษาระยะได้ด้วย ทั้งๆที่ตีไม่ค่อยถูกตรงกลางใบนัก ส่วนเรื่องการควบคุมและระยะถือว่าไกลกว่าระยะเฉลี่ยของเหล็กทั่วๆไป และสามารถตีได้ซ้ำๆโดยที่ระยะยังคงเฉลี่ยเท่าเดิม ความรู้สึก(Feel) ในการตีรู้สึกว่าให้ความรู้สึกที่มือได้ดีกว่าเหล็กชุดอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน (Improvement iron) น่าจะทำให้เล่นลูกสั้น 120 หลาลงมาจนถึงรอบๆกรีนได้ดี รูปทรงของใบเป็นแบบ Traditional shape มีความโค้งมนและความกลมกลืนกันดีระหว่างรูปทรงและเทคโนโลยี่ที่ผสมผสานกันได้ลงตัว เพิ่มความเท่ด้วยการเดิมสีสรรนิดหน่อยด้วยแถบสีฟ้าด้านหลังใบ

ผลจากการทดสอบ MIZUNO รุ่น JPX800 และ JPX800 XD อาจเป็นชุดเหล็กที่น่าสนใจมากรุ่นหนึ่งในขณะนี้แต่เหล็กชุดนี้ก็ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัวอยู่ ซึ่งคู่ต่อสู่ของเหล็กชุดนี้ไม่ใชใครที่ไหนส่วนใหญ่ก็เป็นเหล็กจาก MIZUNO ในตระกูลอื่นๆที่สร้างชื่อเสียงและนักอล์ฟต่างก็ให้ความไว้วางใจนั้นเอง ซึ่งเหล็กรุ่นต่างๆล้วนแต่เป็นเหล็กที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งนักกอล์ฟบางท่านอาจจะชอบเหล็กรุ่นก่อนๆมากกว่าก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม MIZUNO ตั้งใจที่จะผลิต JPX800 ในเป็นเหล็กที่ตีไกลที่สุดเท่าที่เคยผลิตมาในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมการตีได้ง่ายกว่าเหล็กในชุดอื่นๆที่ทำมาทำให้สามารถเพิ่มบอลสปีดจากปกติได้ถึง 3mph หรือ 7 หลา จากการทดสอบแบบเหล็กต่อเหล็กกับ MX200 โดยที่ส่วนประกอบทุกอย่างเหมือนกันต่างกันที่ใบ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะวัสดุที่ใช้ที่เป็น Hot metal process มันเป็นสร้างความแข็งแกร่งที่จะทำให้หน้าที่บางมากๆสามารถทำให้ลูกพุ่งออกจากหน้าไม้ได้้วยความเร็วสูงมาก (High Ball Speed) และข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ Pocket Cavity ทำให้มุมในการปะทะลูก (Sweet Spot) เพิ่มขึ้น และ CG ที่ตำ่ทำให้ลดความผิดพลาดจากการตีได้ดี

เหล็กที่ทดสอบ

MIZUNO JPX 800XD # 6 iron U-Grooves : loft 26 : lie 61.5 : swing weight D0 : shaft option : JPXm100 carbon : R flex : Shaft weight 58g : mid kick point :

MIZUNO JPX 800 # 6 iron U-Grooves : loft 26 : lie 61.5 : swing weight D1 shaft option : NSPRO 950GH HT : R flex : Shaft weight 94.5g : mid kick point:

MIZUNO JPX 800 Forged

ด้วยแนวคิดการออกแบบเป็นแบบเดียวกันกับ JPX800 และ JPX800XD ที่ต้องการออกแบบเหล็กที่เหมาะกับนักกอล์ฟที่มองหา ชุดเหล็กแบบไฮเทค ตีได้ระยะ สามารถควบคุมเหล็กได้ใจขณะตี เหล็กที่ลดข้อผิดพลาด รูปทรงคลาสสิก เสียงในขณะอิมแพค ความแม่นยำในการตีขึ้นกรีน และเป็นเหล็กที่สามารถแต่งช็อตได้

จากการทดสอบเหล็กในตระกูลนี้เรามีการบ้านอยู่ที่ว่านักกอล์ฟท่านใดเลือกจะเลือกเหล็ก JPX800 รุ่นไหนให้เหมาะกับเกมและระดับฝีมือของแต่ละท่านมากเท่าใดนั้นหมายถึงโอกาสที่เกมการเล่นของคุณมีโอกาสพัฒนามากขึ้นเท่านั้น และด้วยรูปทรงที่ Compact และช่วงฐานใบที่บางกว่ากว่า JPX800 ยิ่งทำให้ดูมั่นใจในขณะจรดลูก JPX800 Forged ยังคงใช้ เทคโนโลยี่แบบเดียวกันกับ JPX800 ที่มี Max COR TechnologyTriple cut sole , Hot metal Face construction , Harmonic impact technology ,

ความรู้สึก(feel)

ใบเหล็กสามารถถ่ายทอดความรู้สึกจากการตีมาสู่มือได้ดีและไม่รู้สึกว่าเป็นไม้ตียากถึงแม้นว่า JPX800 Forged จะออฟเซ็ทน้อย นักกอล์ฟที่มีความเร็วหัวไม้ไม่มากสามารถตีและควบคุมเหล็กชุดนี้ได้ไม่ยากและอาจเป็นเพราะ MIZUNO เลือกก้าน NSPRO ที่มีน้ำหนักไม่มากที่สามารถช่วยให้ใบเหล็กทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ระยะที่ได้จากการตีเหล็ก #6 ค่อนข้างดี เหนือค่าเฉลี่ยมาตราฐาน (ถ้าตีถูกกลางหน้าไม้) ขณะที่องศาหน้าไม้ของเหล็กชุดนี้มากกว่าหนึ่งองศาเมื่อเทียบกับรุ่น JPX800 ในเหล็กเบอร์เดียวกัน เหล็กชุดนี้จะตีได้แม่นยำมากในเหล็ก 5-PW จากการทดสอบ ทำให้รูสึกเหมือนเล่นไม้ที่ท ำ Custom Fitting ในขณะตีรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งของลูกออกจากหน้าไม้และจะสามารถแต่งช็อตจากการตีได้ดีจากนักกอล์ฟที่มีทักษะการตีสูง

ถ้าพูดถึง MIZUNO เราจะนึกถึงเหล็กตระกูล MP ซึ่งเป็นเหมาะกับนักกอล์ฟประเภท Low- Mid Handicap แต่ถ้านักกอล์ฟที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หรือสาวกของ MIZUNO(Brand Royalty) และแฮนด์ดีแคปกลางๆแต่อยากไ้ด้เหล็กที่ไม่ต้องใช้ความพยายามในการตีมากนัก แต่เหล็กก็ยังคงทำให้คุณได้ระยะที่ต้องการก็ไม่น่าผิดหวังถ้าเลือก MIZUNO ในตระกูล JPX


Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

TaylorMade R11


ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ TaylorMade คุณต้องรู้จัก R7 Superquad ที่มีหมุดถ่วงน้ำหนักที่สามารถปรับทิศทางได้ (Movable weight technology MWT) ต่อมา R9 ใช้ระบบการปรับที่คอไม้เพื่อควบคุมวิถีของลูก (Flight control technology FCT) จากนั้นหัวไม้ไฮดเทคอย่าง R9 Supertri ที่รวมสองเทคโนโลยีของรุ่นก่อนยิ่งทำให้หัวไม้จาก TaylorMade ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และล่าสุด R11 น้องสุดท้องที่กำลังจะออกมาในเดือนนี้ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Adjustable sole plate (ASP) ที่เพิ่มขึนมา ซึ้งทำให้หัวไม้สามารถปรับได้ 3 ทิศทาง Three dimensions ส่งผลให้นักกอล์ฟสามารถปรับหัวได้ถึง 48 แบบ ทำให้ R11 เป็นไดร์ฟเวอร์ที่สามารถปรับตำแหน่งให้เข้ากับวงสวิงและสไตล์การตีของนัก กอล์ฟแต่ละท่านได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม

ประเภท หัวไม้ : Max game improvement ไดร์ฟเวอร์ R11 ถูกออกแบบมาใหม่หมด ทั้งขนาดที่ไม่ใหญ่มาก 440 cc และสีที่เป็นสีขาวแปลกตาแบบที่นักกอล์ฟบางคนไม่คุ้นตา และความที่เป็นสีขาวจึงดูไม่เหมือนหัวไม้ที่มีขนาดเพียง 440 cc ซึ่ง TaylorMade อาจไม่ได้เป็นเจ้าแรกที่ทำหัวไม้เป็นสีขาว แต่ TaylorMade ยังคงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าไดร์ฟเวอร์อื่นๆเสมอ

Flight control technology FCT ในส่วนคอ (แปดทิศทาง +/- 1*)

Movable weight technology MWT หมุดถ่วงน้ำหนัก ส่วนหัวและท้าย (25 หลา ทางด้านซ้ายและขวา)

Adjustable sole plate ASP แผ่นสามเหลี่ยมด้านใต้ (ปรับได้สามแบบ Neutral Closed Open +/-2*)

Fujikura Blur 60g R flex และ 65g S flex (TP) เป็นก้านที่ใช้ในการทดสอบ ซึ่งก้านถูกออกแบบให้ในช่วงปลายก้านจะค่อนข้างแข็งแต่ไม่มากนักส่วนตัวก้าน ใช้เทคนิคการผลิตที่เรียกว่า VEXX ที่มีการใช้เทคนิคการสานใยคาร์บอนในชั้นนอกทำให้เกิดความเสถียรในขณะปะทะลูก และลักษณะพิเศาอีกอย่างของก้านคือเป็นก้านที่มี Mid Bend Point , Mid Spin และ Mid Launch ดังนั้นเมื่อตีก้านรุ่นนี้ลักษณะของลูกจะพุ่งออกจากหน้าไม้สามารถให้ระยะทางได้ไกลกว่าไม่รู้สึกกระด้างและยังง่ายต่อการควบคุม ไม่เหมือนอย่างเช่นก้านอื่นๆ ที่มีช่วงปลายที่แข็ง

Forgiveness/Accuracy ลดข้อผิดพลาดและความเที่ยงตรง R11 สามารถลดปัญหาของการตีด้วยวงส่วนตัวให้น้อยลง นักกอล์ฟสามารถตีลูกให้อยู่กลางแฟร์เวย์มากขึ้น และการควบคุมกรตีที่ง่ายกว่า ลดความกังวลในการสวิงที่ต้องจัดวงสวิงของตัวเองให้เข้ากับไม้ ส่วนหัวมีสมดุล ในขณะที่หน้าไม้ค่อนข้างสูง (Deep ciubface) และการออกแบบกระดอง (Crown) มีลักษณะสูงและลาดลง องศาและมุมของกระดองสัมพันธ์กับ ASP ด้านใต้ท้อง ตลอดจนสีที่เปลี่ยนไปจากไดร์ฟเวอร์ทั่วๆไป จึงง่ายต่อการเล็ง และยังลดแสงสะท้าน Sun spot

Feel ความรู้สึกในการตี R11 ให้ความรู้สึกแน่น ส่วนเรื่องของเสียงไม่ดังมาก ก้านทำงานได้ดี รับความรู้สึกได้ในขณะหน้าไม้กระทบบอล อาจมีอาการสั่นบ้างถ้าตีไม่เข้ากลางหน้าไม้ แต่ R11 ยังถ่ายพลังไปที่ลูกได้ดี

Look รูปทรงและมุมมอง R11 ถูกออกแบบเป็นแบบคลาสสิกสไตล์ เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักกอล์ฟในทุกระดับฝีมือ ถ้ามองจากมุมบนจะดูเป็นสามเหลี่ยมเล็กน้อย สามเหลี่ยมนี้ช่วยให้เกิดแรงเฉื่อยสูง (เราวัดค่า MOI ของ R11 ได้ 2938.5 หน่วย) และได้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำค่อนไปข้างหลังมากขึ้น จึงช่วยความเสถียรในขณะตี และชดเชยข้อผิดพลาดได้มากขึ้น

Test R11 9*/10.5* ก้าน Fujikura Blur 60g R flex และ 65g S flex เราทดลองตีแบบ Hand test โดยนักกอล์ฟที่มี Official Handicap 1.1 ตรวจจับและประเมินผลโดย Launch monitor โดยสลับก้านไปมาระหว่าง 9* และ 10.5* ตัวเลขที่ได้น่าสนใจมาก ค่าเฉลี่ย R11 9* S Flex 65g : Carry 238y , Total 290.2 y , Run 7 y , Club head 106 mph , Ball speed 157 , Vertical launch 15.6* Horizontal launch 0.6 L , Ball spin 1481 rpm , Max high 63y , Smash factor 1.48 , Draw/Fade 9y

เมื่อดูตัวเลขของแขกรับเชิญระยะที่ได้น่าพอใจ ค่า Smash factor ค่อนข้างสูง ทำได้เฉลี่ย 1.48 แสดงให้เห็นว่านอกจากวงสวิงที่ค่อนข้างแน่นนอนของผู้ทดสอบที่ตีลูกได้แม่นยำ ค่าความเร็วหัวไม้ที่ไม่มากนักแต่หัวไม้และก้านสามารถถ่ายทอดพลังไปยังลูก ได้ดีดูจากค่า Ball speed 157 mph และสปินที่ค่อนข้างต่ำแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของหัวไม้

R11 The next generation driver ถ้าคุณเป็นนักกอล์ฟที่ต้องการหัวไม้ไฮเทคที่สามารถปรับได้ 48 ตำแหน่ง นั้นหมายความว่าคุณมี 48 โอกาสที่จะหาตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งที่เหมาะกับคุณมากที่สุด และถ้าคุณให้เวลาและทำความเขาใจกับการทำงานของทั้งสามเทคโนโลยีที่เป็นสาม มิติ Three Dimension To Distance <3-D> ที่เป็นการผสมผสานสามเทคโนโลยี ASP+FCT+MWT เราเชื่อว่าท่านนักกอล์ฟจะได้เป็นเจ้าของไดร์ฟเวอร์ที่เต็มไปด้วย ประสิทธิภาพและไฮเทคที่สุดในขณะนี้



Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838

Test Golf ball: Prov1 and Prov1x

Test Golf ball: Prov1 and Prov1x
วันนี้เราจะทดสอบลูกกอล์ฟทั้งสองรุ่นด้วย Launch monitor โดยผู้ทดสอบมี Head speedที่ค่อนข้างเร็วและมีวงสวิงที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
Half swing/ Wedge 56* ตัวเลขที่เป็นค่าเฉลี่ย

Total Head speed Ball speed Spin rate Max H Off center Classification
Prov1 85y 59mph 71mph 6465 17y 2y straight
Prov1x 88y 59mph 73mph 6427 17y 2y straight

Full swing/ Wedge 56* ตัวเลขที่เป็นค่าเฉลี่ย

Total Head speed Ball speed Spin rate Max H Off center Classification
Prov1 116y 71mph 86mph 6025 25y 2y straight
Prov1x 121y 70mph 89mph 5956 27y 2y straight

*ทั้งสองวงสวิงที่ทดสอบมีระยะลูกตกและลูกวิ่งประมาณ 2-3 หลา*
Approach short : Titleist AP2 #7 / ProjectX 6.0

Total Head speed Ball speed Spin rate Max H Off center Classification
Prov1 181y 87mph 116mph 4768 35y 3y straight
Prov1x 181y 87mph 116mph 4748 34y 5y straight

*ลูก Prov1 มีระยะลูกตกและลูกวิ่ง ต่างกัน 2 หลา ส่วนลูก Prov1x มีระยะลูกตกและลูกวิ่งต่างกัน 5 หลา*

Fairway wood Titleist 909 F2 13.5*

Total Head speed Ball speed Spin rate Max H Off center Classification
Prov1 264y 108mph 151mph 3376 46y 7y straight
Prov1x 266y 108mph 152mph 3300 44y 13y pull

Driver Titlest 909 D3 8.5*

Total Head speed Ball speed Spin rate Max H Off center Classification
Prov1 280y 113mph 158mph 3392 59y 8y straight
Prov1x 284y 114mph 159mph 3298 57y 10y push


เมื่อเราทดสอบลูกกอล์ฟกับผู้ที่มีสวิงที่ค่อนข้างแน่นนอน เราจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนของตัวเลขที่ได้ รวมไปถึงคุณสมบัติและประสิทธิภาพของลูกกอล์ฟซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ สิ่งที่ เห็นได้ชัดเจนและเป็นจุดเด่นของ Prov1 และ Prov1x น่าจะเป็นความคงเส้นคงวาของการทำงานของลูกกอล์ฟ นั้นหมายถึงคุณจะได้ระยะที่ค่อนข้างแน่นนอน ถ้าคุณมีวงสวิงที่สม่ำเสมอ นั้นไม่น่าแปลกใจที่ Prov1 ถูกนำไปใช้ในการแข่งขันในทัวร์นาเม็นท์ต่างๆ และจัดเป็นลูกกอล์ฟอันดับหนึ่งในท้องตลาด และจากการทดสอบโดยการออกรอบสนาม จริง



Spashaft By ProworkZ...Pro Moo 083-6023838