วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Driver Cobra S3

ClubTest&Review: New Driver Cobra S3 By www.Spashaft.com

ถ้าคุณเป็นนักกอล์ฟประเภท "Driver Fever" คุณต้องเคยลองตีหรืออาจเป็นเจ้าของหัวไม้ Cobra เราเคยทดลองตีหัวไม้ของ Cobra มาแล้วหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Cobra S2,Cobra M/Speed หรือแม้กระทั่ง Cobra L4V ซึ่งทั้งหมดสร้างชื่อเสียงให้กับ Cobra พอสมควร วันนี้เราได้รับหัวไม้รุ่น S3 9.5* Flex-S ก้าน Motore ความยาว 45.25 CPM 231 น้ำหนักรวม 313 กรัม และ 10.5 Flex-R ก้าน Motore ความยาว 45.25 CPM 200 น้ำหนักรวม 307 กรัม

Driver Cobra S2 ถูกจัดให้เป็นหัวไม้ในประเภท Game-Improvement Drivers โดยมีเป้าหมายที่จะให้นักกอล์ฟเพิ่มระยะ ได้สูงสุดและยังสามารถควบคุมวิถีการพุ่งของลูก หน้าไม้ที่มีทรงรูปไข่และเฉือนขอบบริเวณรอบหน้าไม้ให้ลาดลงไปที่ ส่วนลำตัวทำให้บริเวณของ sweet spot ทั้งหมดเป็นพื้นที่ครอบคลุมจุดกระทบลูกได้เติมประสิทธิภาพทั่วทุกพื้นที่ของ sweet spot

Cobra S3 มีเป้าหมายไปยังกลุ่มนักกอล์ฟที่ต้องการระยะและพัฒนาฝีมือไปในตัว ขณะที่ S3 Max มุ่งไปที่นักกอล์ฟ handicap ปานกลาง ซึ่ง S3 Max ถูกออกแบบมาให้หัวไม้มี offset เล็กน้อยช่วยให้หน้าไม้เข้าปะทะลูกได้แม่นยำและตรงเป้าหมายมากกว่า

จุดเด่นของ S3 เป็นเรื่องของการออกแบบหัวไม้ที่ได้มาจากข้อมูลและสถิติต่างๆเมื่อหัวไม้เข้าอิมแพคลูกจากการตีของ นักกอล์ฟส่วนใหญ่

• การออกแบบที่มีหน้าไม้รูปไข่และสูงทะแยงขึ้นกว่ายี่ห้ออื่นทำให้มีเนื้อที่ของ sweet spot เพิ่มขึ้น 30% ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ถูกขยาย ด้านบนช่วงปลายและด้านล่างช่วงท้ายที่นักกอล์ฟส่วนใหญ่มักจะตีพลาดในบริเวณสองจุดนี้เป็นส่วนใหญ่ นักกอล์ฟส่วนมากเวลาตีหน้าไม้จะกระทบลูก มีแนวโน้มที่จะตีโดนลูกไปทางด้านหัวและด้านท้ายเป็นส่วนใหญ่ แต่จากการศึกษาอย่างละเอียดของ Cobra ได้ข้อมูลมากขึ้นและพบว่าความผิดพลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึง ทำให้มีการออกแบบหัวไม้ที่เรียกว่า E9 Face Technology ที่ให้พื้นที่อิมแพคลูกมีลักษณะเป็นวงรีเอียงจากซ้ายบนลง ล่างขวาของหน้าไม้ นั้นคือเพิ่มส่วนสูงของ หน้าไม้ทางด้านหัวขึ้น (ปกติหน้าไม้ในท้องตลาดทั่วไปจะเป็นวงรีลักษณะราบ) และยังมีการกระจายความหนาของหน้าไม้ ในส่วนวงรีนี้และค่อยๆบางลงในส่วนรอบนอกของวงรีซึ่งทำให้เกิด ** trampoline effect** เพื่อเร่งความเร็วลูกขณะพุ่ง ออกจากหน้าไม้ ส่วนสุดท้ายคือรอบขอบหน้าไม้ที่ติดกับลำตัวถูกปาดให้บางลงและลาดเข้าหาลำตัวเพื่อลดน้ำหนักและย้าย CG ไปทางด้านหลังและต่ำเพื่อให้ลูกพุ่งออกจากหน้าไม้ไปในมุมสูง (High Launch) และเพิ่มระยะ (Distance)

• การออกแบบของหน้าไม้ทำให้การตีช็อตนั้นๆได้ไกลกว่าและตรงกว่า ก็เนื่องมาจากการปรับตำแหน่งของ CG ให้ต่ำและลึกสัมพันธ์กับการออกแบบโครงสร้างของลำตัว

• รูปทรงของหัวไม้เป็นแบบร่วมสมัย (Traditional design) มีขนาด 460cc แต่รูปทรงโดยรวมดูไม่ใหญ่เทอะทะกลับดูกระชับ สร้างความมั่นใจในการตี ให้ความรู้สึกมั่นใจขณะจดลูก

• กราฟฟิกของก้านทำให้ดูเด่น สีของก้านสะดุดตา แต่อาจเป็นปัญหาบ้างกับนักกอล์ฟบางท่านในเรื่องของสีและลวดลายของก้าน ทำให้ดูลายตา

• ก้านที่ให้มาเป็นก้าน Motore ที่น้ำหนักก้านประมาณ 56g สำหรับ Flex R ค่า CPM ที่วัดได้ 226 ที่ความยาวก้าน 43.5 และเมื่อนำมาประกอบกับหัวไม้และกริพที่ความยาวทั้งหมด 45.25 ค่า CPM ที่ได้ลดลงเหลือ 200 ให้ความรู้สึกที่รู้สึกว่าอ่อนไป นิดหน่อย แต่เมื่อลองตีถือว่าก้านและหัวไม้ทำงานได้สัมพันธ์กันดีกับนักกอล์ฟที่มีความเร็วหัวไม้ปานกลาง

• Cobra S3 สามารถปรับหน้าไม้ได้ Adjustable driver head ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหัวไม้ที่ปรับได้ทำให้นักกอล์ฟสามารถที่จะตีลูก หรือควบคุมลูกให้อยู่ในแฟร์เวย์ได้มากกว่าหัวไม้ทั่วๆไป Cobra S3 เป็นหัวไม้ที่สามารถปรับได้มีคอที่เป็นอลูมิเนียม 1-2-3 ที่น้ำหนักเบาและการออกแบบที่เรียบง่ายเหมาะกับการใช้งานสามารถปรับได้ 3 ระดับ (Open, Neutral, Closed)

มีข่าวว่า Puma ประกาศที่จะซื้อ Cobra Golf และมีการคุยกันว่าน่าจะมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมา ซึ่งอาจจะมีการออกแบบ และเปลี่ยนแบบใหม่หมดซึ่งยังไม่มีใครรู้ แต่ในปัจจุบันเจ้าของ Cobra Golf ก็ยังพัฒนาและสร้าง Cobra มาในรูปแบบที่มี เอกลักษณ์ยังคงเป็นแบบ Cobra Style ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน Cobra ประสบความสำเร็จในตลาดของหัวไม้ด้วย S9-1, ZL, S2 แล้วมันอาจดูไม่แตกต่างมากนัก แต่ถึงอย่างไรการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มากนักของ Cobra S3 ก็ออกแบบมาได้ดีเหมาะสำหรับ นักกอล์ฟ handicap ต่ำจนถึงนักกอล์ฟระดับฝีมือปานกลางที่ต้องการวิถีลูกที่พุ่งออกจากหน้าไม้ด้วยมุมเหินที่ดีที่สุดสปินต่ำ และเพิ่มระยะ
จากการทดสอบระยะที่ได้เทียบ กับคุณสมบัติและความแข็งของก้าน เราได้ค่าความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วหัวไม้กับความเร็วลูกกอล์ฟที่พุ่งออก จากหน้าไม้ เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดีเฉลี่ย 1.42 ตลอดจนมุมเหินของลูก (Launch Angle) 12.7* และ Back Spin โดยเฉลี่ยประมาณ 3100 ผู้ทดสอบถึงกับอุทานคำว่า “เยี่ยม” นักกอล์ฟที่ handicap ต่ำๆหรือโปรอาจจะฉงนกับหน้า ไม้ที่ไม่มีเส้นของ Cobra S3 แต่ต้องชอบตัวเลขของสปินที่ต่ำแสดงอยู่ที่ Launch Monitor นักกอล์ฟฝีมือดีจะได้ตัวเลขสปินอยู่ ที่ช่วง 2300-2800 ซึ่งถือว่าต่ำ และยังคงความได้เปรียบในเรื่องของการได้ปรับวิถีการพุ่งของลูกออกจากหน้าไม้ไปยังพื้นที่เป้าหมายที่นักกอล์ฟต้องการ OK.


TIPS

Trampoline Effect

พวกโรงงานผลิตไม้กอล์ฟทั้งหลายล้วนหาทุกวิถีทางที่จะให้ไม้กอล์ฟของตัวเองตีลูกออกไปได้ไกลกว่าไม้กอล์ฟยี่ห้ออื่น

Trampoline effect เป็นการกล่าวถึงความยืดหยุ่นของหน้าไม้ที่สะท้อนลูกออกจากหน้าไม้เหมือนเครื่องเล่น Trampoline ซึ่งUSGA ประกาศมาว่าหน้าไม้ที่ให้ Trampoline effect นี้ผิดกฏ มันดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร เราเคยได้ข้อมูลหัวไม้ที่ผลิตจาก วัสดุที่แข็งที่สุดแม้แต่ Maraging metal ที่แข็งมากยังไม่สามารถคงตัวไม่ให้ยุบตัวลงได้ มันต้องโค้งหรือยุบตัว เล็กน้อยอยู่แล้ว คุณเคยได้ยินแฟชั่นล่าสุดหรือยัง เรื่องที่คนขายไม้บอกเราว่าหัวไม้ที่เราจะซื้อเป็นหัวไม้หน้าเด้งที่มีหน้า แบบบางเฉียบที่คุณรู้สึกได้ ถ้าเราคุยถึงความจริงกันว่ายิ่งคุณทำหน้าไม้ได้บางเท่าไร ยิ่งมีความยืดหยุ่นมากเท่านั้น และก็นั่นคือ Trampoline effect ซึ่งความรู้สึกที่ได้รับจากหน้าไม้ที่บางกว่านั้นมาจากความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง แต่การต่อสู้ของผู้ผลิตไม้กอล์ฟที่จะลดข้อจำกัด ของกฎกับหน้าที่ของUSGA ที่ จะรักษาความสมบูรณ์ของเกมกอล์ฟ มันคือการบ้านที่ต้องพยายามหาคำตอบ และแม้ว่า Trampoline effect ถูกห้ามอย่างเป็นทางการจากUSGA แต่หน้าไม้ที่บางยังไม่ได้ถูกห้าม "มันคือหลักการเดียวกัน แต่เรียกคนละแบบเท่านั้น"

การที่USGA ออกกฎเพื่อควบคุมการสปริงตัวของหน้าไม้ ให้อยู่ในค่าที่กำหนด "Coefficient of Restitution" (COR) ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆตามภาษานักกอล์ฟที่เป็นการดูที่ความสัมพันธ์กันของวัตถุสองชนิดที่มากระทบกัน วัตถุชนิดหนึ่ง (หัวไม้) กับวัตถุอีกชนิดหนึ่ง (ลูกกอล์ฟ) ซึ่งมีทั้งการถ่ายเทและส่งพลังจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่งได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดหรือศูนย์เสียแรงไปในขณะวัตถุสองชนิดกระทบกัน

การวัดค่า COR เขาใช้เครื่องมือที่สามารถบอกเราเป็นตัวเลข โดยกำหนดค่าระหว่าง 0.000 หมายถึงไม่มีการส่งพลังออก ไปหรือศูนย์เสียพลังจนถึง 1.000 หมายถึงมีการถ่ายทอดส่งผ่านพลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่ง ซึ่งUSGA และ R&A กำหนดค่าCOR ไว้ที่ .830 เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันในการแข่งขันและอยู่ในกฎ

ดังนั้นทีม R&D (Research and Develop) ของบริษัทผู้ผลิตหัวไม้ต่างพยายามค้นคว้าออกแบบหัวไม้ให้ได้ใกล้เคียงค่าCOR ให้ได้มากที่สุด (หัวไม้บางรุ่นถึงกับพิมพ์คำว่า Max Cor ไว้บนหัวไม้) ทั้งความหนาบางของหน้าไม้และโครงสร้างของหน้าไม้ โครงสร้างของลำตัวเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในช่วงปะทะลูกสูงสุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น